We use cookies to improve our services and to make you offers related to your preferences. If you continue browsing, we will consider that you allow us to use them. You can change the settings or get more information on our Terms of use & Cookies Policy.

Close


ok
Close

Error


Please wait while processing...


Dear customer,
We are processing your request.
Please do not leave the session, this operation can take several minutes.
You will be informed when it is complete.
Thank you for your patience.

Deselect All

Filter by

Category
See all
Search within these results
Our Offers
search.totalHits > 0 = true user.userSettings.cmsSettings.facetEnable = true search.displayFacetBlock = true search.facets empty = true search.facets size = 0
   

Our Partners shops

       

News

Lyreco Newsroom
ติดตามข้อมูลข่าวสารล่าสุดและสาระดีๆ จากลีเรคโก

คลิกที่นี่

ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ด้วยการเลือกการจัดส่งรูปแบบใหม่ "ให้ลีเรคโกเลือกวันจัดส่ง"

คลิกดูเพิ่มเติม

หลอดไฟ

  ( 38  products )

หลอดไฟ

ถ้าจะพูดถึงแหล่งที่มาของแสงสว่างที่เราใช้กันอยู่ ทุกคนคงทราบดี ว่าแหล่งที่มานั้นคือ หลอดไฟ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าหลอดไฟที่เราใช้กันอยู่นั้นมีกี่ชนิด ทำมาจากอะไร ให้แสงสว่างแบบไหน วันนี้เราจะมาทำความรู้จักหลอดไฟประเภทต่างๆกัน

  1. หลอด Incandescent หรือที่เรียกกันว่า หลอดไส้

หลอดไส้ปกติ ภายในหลอดเป็น ไส้ที่ทำจากทังสเตน ให้ความร้อนสูง แต่ประสิทธิภาพในการส่องสว่างต่ำ อีกแบบคือหลอดไส้ฮาโลเจน ไส้หลอดทาด้วยทังสเตน แต่บรรจุสารตระกูลฮาโลเจน เพื่อป้องกันการระเหิดตัวของไส้หลอด มีประสิทธิภาพดีกว่าหลอดไส้ปกติ 2-3 เท่า ให้ความถูกต้องของสีถึง 100 % หลอดประเภทนี้มักใช้กับพื้นที่ที่ต้องการแสงสว่างเป็นพิเศษ เช่น พื้นที่งานแสดงสินค้า อุปกรณ์ทางการแพทย์บางชนิด เครื่องฉายสไลด์ เป็นต้น ข้อดี ราคาถูกที่สุด ให้แสงสว่างทันทีเมื่อเปิดใช้งาน

  1. หลอดฟลูออเรสเซนต์ (Fluorescent) หรือที่เรียกกันว่า หลอดนิออน หลอดประกอบไปด้วย

ตัวหลอด ไส้หลอด สตาร์ตเตอร์ บัลลัสต์ ประสิทธิภาพการให้แสงสว่างของหลอดชนิดนี้อยู่ในระดับปานกลาง ข้อดี ให้ห้ระดับแสงสว่างมากและใช้กำลังไฟน้อยกว่า อายุการใช้งานนานกว่าหลอดไส้ 10-13 เท่า แถมยังให้ความร้อนน้อย แต่เมื่อหลอดเสื่อมหรือใกล้เสื่อม แสงที่ได้จะไม่สม่ำเสมอและกะพริบยิ่งไปกว่านั้นมีราคาแพงกว่าหลอดไส้ประมาณ 3 - 5 เท่า ข้อเสียอีกอย่างคือ ต้องใช้ร่วมกับบัลลาสต์และสตาร์ตเตอร์ นอกจากนั้นยังมี หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์ (CFL) หรือ หลอดตะเกียบ  หลอดประเภทนี้ยังถูกแบ่งออกเป็นหลายๆ ชนิดตามลักษณะการใช้งาน มีทั้งแบบขั้วเกลียวและขั้วเสียบ มีบัลลาสต์ภายนอกหรือในตัว เป็นต้น

  1. หลอดเมทัลฮาไลด์ หลอดโซเดียม หลอดแสงจันทร์

หลอดไฟประเภทนี้ กินไฟมาก อุณหภูมิของหลอดสูง แต่ให้แสงขาวที่มีความเข้มสูงและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน นิยมติดตั้งในบริเวณขนาดใหญ่ที่ต้องการการส่องสว่างต่อเนื่อง เช่น ตามท้องถนน โรงงานอุตสาหกรรม สนามกีฬา

  1. หลอดแอลอีดี (LED : Light Emitting Diode)

เป็นเทคโนโลยีของการส่องสว่างแบบใหม่ที่ทนทาน ให้ความสว่างสูงกินไฟน้อย เกิดความร้อนต่ำ ไม่มีการใช้สารพิษอย่างสารปรอท หรือสารตะกั่วเป็นส่วนประกอบ อีกทั้งยังไม่มีรังสี UV ที่เป็นอันตรายต่อผิวหนังและดวงตา มีการระบายความร้อนได้ดี จึงทำให้เกิดความร้อนของหลอดน้อย และส่งผลให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ปัจจุบันมีใช้งานกันอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ  โรงงานอุตสาหกรรม โกดังคลังสินค้า หน่วยงานต่างๆทั้งภาครัฐและเอกชน หรือแม้แต่ตามอาคารบ้านเรือนเองก็นิยมใช้หลอดไฟแอลอีดีกันมากขึ้น ด้วยเหตุผลที่ว่าหลอดไฟแอลอีดี สามารถช่วยประหยัดพลังงานและประหยัดค่าไฟได้มากถึง 80% อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพในเรื่องของความสว่างที่มากกว่าอีกด้วย

ปัจจัยในการพิจารณาในการเลือกซื้อหลอดไฟ

  • จำนวนวัตต์(Watt, W) หรือกำลังไฟฟ้าที่ใช้ คือ หน่วยวัดกำลังไฟฟ้าที่เป็นตัวบอกอัตราการกินไฟของหลอดไฟ ยิ่งวัตต์มากเท่าไหร่ก็ยิ่งให้แสงที่สว่างมากเท่านั้น
  • ขั้วของหลอดไฟ คือ ส่วนที่เป็นโลหะสีเงินด้านล่างหลอด มีหลายแบบและหลายขนาด ขึ้นอยู่กับประเภทของหลอดไฟ แบ่งเป็น
    • ขั้วหลอดแบบเกลียว ซึ่งหลักๆแล้วมีด้วยกัน 3 แบบ ได้แก่ ขั้ว E14 ซึ่งมีขนาดเล็กที่สุดถ้าเทียบกับหลอดทั้ง 3 แบบ ขั้ว E27 เป็นแบบที่นิยมใช้กันมากที่สุด เช่น ใช้กับหลอดประหยัดไฟ หลอดทรงน้ำเต้า เป็นต้น และขั้ว E40 นิยมใช้กับหลอดไฟที่มีกำลังวัตต์สูงกว่า 40 W ขึ้นไป
    • ขั้วหลอดแบบเสียบหรือแบบขาเขี้ยว ที่นิยมใช้กันมากที่สุด คือ แบบขั้ว G13 คือขั้วหลอดไฟนิออนนั่นเอง นิยมใช้กับหลอดไฟนิออนหรือ หลอดไฟแอลอีดี T8 แบบขั้ว GU 10 หรือเรียกอีกชื่อนึงว่า ขั้วขาสตาร์ทเตอร์/ GU5.3 นิยมนำมาใช้กับหลอดฮาโลเจนแบบถ้วย และ ฮาโลเจนแบบแคปซูล
  • หลอดขาวขุ่นหรือหลอดใส โดยผิวเคลือบของหลอดที่ต่างกันก็จะให้แสงที่ต่างกัน แบ่งเป็น

– หลอดใส เหมาะใช้กับโคมไฟที่ออกแบบตัวโคมให้สร้างลวดลาย ที่ต้องการการกระจายแสงมาก

– หลอดขาวขุ่น เหมาะใช้กับพื้นที่ให้แสงแบบไม่ต้องมีตัวโคม ที่ต้องการการกระจายแสงแบบสม่ำเสมอ

  • รูปทรงของหลอดไฟมีหลากหลายรูปแบบ เพราะมีองศาการกระจายแสงที่แตกต่างกัน และควรเลือกรูปทรงที่มีขนาดพอดี ไม่เกินขนาดของหลอดไฟที่เราจะนำมาใช้ทดแทน เพื่อสามารถใส่ในโคมไฟได้อย่างปลอดภัย โดยรูปร่างของหลอดไฟแบ่งเป็น

– หลอดจำปา ให้แสงคล้ายแสงเทียน เหมาะสำหรับโคมไฟประดับที่ต้องการเพียงแสงสลัวๆ

– หลอดทรงกลม ให้แสงสว่างองศากว้าง เหมาะสำหรับโคมไฟ หรือโป๊ะไฟ

– หลอดทรงยาว ให้แสงคล้ายหลอดฟลูออเรสเซนต์หรือหลอดนีออน เหมาะสำหรับให้แสงสว่างทั่วไป

  • ลักษณะสีของแสงก่อนที่เราจะเลือกหลอดไฟไปติดตั้งในห้องสักห้องนั้น อย่างแรกเลยเราต้องรู้ฟังก์ชั่นการใช้งานในห้องนั้นๆเสียก่อน เพราะสีไฟที่ต่างกันก็เหมาะกับการใช้งานที่ต่างกัน โดยแสงของหลอดไฟแบ่งเป็น 3 แบบ คือ

 - สีวอร์มไวท์ (Warm White) โทนสีเหลืองอมส้ม เป็นโทนสีร้อน โทนอบอุ่น ค่าอุณหภูมิสีของแสงอยู่ที่ ต่ำกว่า 3,000 เคลวิน ช่วยทำให้มีความรู้สึกอบอุ่นผ่อนคลาย นิยมนำไปใช้ในสถานที่ให้บริการต่างๆ เช่น โรงแรม ร้านอาหาร หรือใช้ในบ้าน เช่น ห้องรับแขก ห้องนอน ห้องน้ำ เป็นต้น      

– สีคูลไวท์ (Cool White) โทนสีขาว เป็นโทนสีเย็นสบายตา ค่อนข้างสว่างกว่าเมื่อเทียบกับสีวอร์มไวท์ (Warm white) ค่าอุณหภูมิสีของแสงอยู่ที่ 3,000-4,500 เคลวิน ช่วยทำให้สีจากวัตถุดูคมชัดและเข้มขึ้น นิยมนำไปใช้กับงานแสดงโชว์สินค้า ป้ายต่างๆ หรือใช้กับไฟบนเวที เป็นต้น

– สีเดย์ไลท์ (Day Light) โทนสีขาวอมฟ้า คล้ายแสงธรรมชาติตอนกลางวัน ค่าอุณหภูมิสีของแสงอยู่ที่ 4,500-6,500 เคลวิน ขึ้นไป เป็นสีที่ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด ทำให้มองเห็นสีวัตถุไม่เพี้ยน นิยมใช้กันทั่วไป เช่น โรงงานอุตสาหกรรม บ้านเรือน เป็นต้น

  • มาตรฐานของหลอดไฟหลอดไฟที่ดี ต้องมีการรับรอง มาตรฐานทางผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือ มอก. ที่บริเวณฉลากหรือตัวสินค้า เพื่อเป็นการการันตีว่าสินค้านั้นๆได้รับการตรวจสอบมาตรฐานในการผลิต และปลอดภัยต่อการใช้งาน

You have already signed up the back in stock alert

The best brands are on Lyreco: