รางปลั๊กไฟ

รางปลั๊กไฟมีตั้งแต่ 2 เมตร และยาวไปจนถึงกว่า 5 เมตร และมีทั้งแบบมีสวิตช์เดี่ยวหรือรวม และแบบที่มีรูเสียบหัว USB การเลือกปลั๊กไฟ หรือปลั๊กพ่วงมีความสำคัญมาก เนื่องจากอาจส่งผลให้เกิดเหตุไม่คาดคิดเช่น ไฟลุกตามปลั๊กพ่วงที่เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร การเลือกปลั๊กพ่วงที่ดีมีคุณภาพจึงสำคัญ ขั้นตอนและทริคเล็กๆสำหรับการสำหรับการเลือกปลั๊กไฟที่ถูกต้องและปลอดภัย

1. สัญลักษณ์ มอก.ปลั๊กไฟ (มอก.2432-2555) - มอก. เป็นการรับรองคุณภาพที่เชื่อถือได้ การมองหาสัญลักษณ์ มอก.ปลั๊กไฟ เป็นตัวเลือกสำหรับผู้คนที่ไม่มีเวลาหาข้อมูลเพิ่มเติม

2. เต้าเสียบ แนะนำให้เลือกหัวเสียบที่เป็น สามขาและมีฉนวนป้องกันไฟดูดที่รอบขา หัวเสียบแบบสามขาจะช่วยให้ยึดติดกับเต้ารับได้ดีกว่า จะช่วยลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุ

3. เต้ารับบนรางปลั๊กไฟ สังเกตุว่ามีสัญลักษณ์ L N และ กราวด์อย่างชัดเจน

4. ตัวตัดไฟ(Circuit Breaker) ตัวช่วยตัดไฟเมื่อมีการจ่ายไฟฟ้าเกินหรือไม่เสถียร จะช่วยลดโอกาสการลามไฟได้

5. ตัวรางปลั๊กพ่วง สำคัญมาก ต้องเป็นวัสดุที่ไม่ลามไฟง่าย เพราะจะเป็นฉนวนป้องกัยไม่ให้ไฟลามได้

6. สวิตช์ไฟ เป็นตัวเลือกหากต้องการควบคุมการจ่ายไฟเครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพให้สังเกตุ มอก.824-2551

7. สายไฟของปลั๊กพ่วง ต้องเป็นสายไฟกลมหนา มีแรงดันไฟไม่ต่ำกว่าเต้าเสียบและเต้ารับ

นอกจากปลั๊กพ่วงหรือรางปลั๊กไฟแล้ว ยังมีสายเคเบิลอีกชนิดที่เป็นอุปกรณ์สำคัญสำหรับการเชื่อมต่อ สายอินเทอร์เน็ต สาย USB สายรัดเก็บสายต่างๆ และสำหรับสายเคเบิลเพื่อการส่งข้อมูลก็จะมีทั้งแบบมีสาย และแบบไร้สายก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไปดังนี้

หากเชื่อมต่อเป็นประจำทุกวัน มือถือ อันนี้ใช้ไร้สาย แต่ถ้าคอม ตั้งโต๊ะ ใช้สาย LAN ดีกว่า ส่วนการใช้งานไร้สาย ก็ต้องมีการตั้งค่า WiFi router ให้เหมาะสม

ถ้าดูหนังสตริมมิ่ง ไม่อยากเสี่ยงกับสัญญาณรบกวน ช้า อยากได้ความเสถียร เลือก Ethernet

ทั้งมีสาย และไร้สาย ก็มีสัญญาณรบกวนได้ เราเลือกใช้ให้เหมาะกับสภาพอาคาร สภาพแวดล้อมของเรา แบบไหนดีที่สุด เหมาะกับเราก็เลือกแบบนั้น